ผู้ที่พำนักอาศัยในสิงคโปร์
โปรแกรม วีซ่า นักลงทุน สิงคโปร์ (Global Investor Program) เป็นโปรแกรมการลงทุนเพื่อการมีถิ่นที่อยู่อาศัยโดยให้สถานะการพำนักถาวรในสิงคโปร์แก่นักลงทุนที่ มีประวัติในการทำธุรกิจรวมถึงเป็นผู้ประกอบการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ โดยมีความตั้งใจที่จะขับเคลื่อนธุรกิจและการเติบโตด้านการลงทุนจากสิงคโปร์ การลงทุนขั้นต่ำสำหรับโปรแกรมนี้คือ 2,500,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ การลงทุนทางธุรกิจใหม่ กองทุนที่ได้รับอนุมัติของบริษัทในสิงคโปร์ หรือสำนักงานครอบครัวในสิงคโปร์ที่ตรงตามเกณฑ์ โปรแกรมนี้สามารถรวมครอบครัวและคู่สมรส, ระบบการดูแลสุขภาพและการศึกษาที่มีคุณภาพสูง, เขตอำนาจศาลที่ประหยัดภาษี มีสิทธิ์สมัครสัญชาติสิงคโปร์หลังจากถือบัตรถิ่นที่อยู่ถาวรเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี
ผลประโยชน์ที่จะได้รับ
- ผู้ที่อยู่ภายใต้การดูแล
- คู่สมรส
- บุตรที่มีอายุต่ำกว่า 21 ปี
- ผู้สมัครและผู้ที่อยู่ภายใต้การดูแลสามารถได้รับสิทธิ์การพำนักอาศัยถาวร
- พ่อแม่และบุตรที่มีอายุมากกว่า 21 ปี สามารถได้รับรับ visit visa เป็นระยะเวลา 5 ปี
- มีระบบการรักษาพยาบาลและการศึกษาที่มีคุณภาพสูง
- มีการเก็บภาษีในอัตราที่เหมาะสม
- สามารถยื่นขอรับสิทธิ์พลเมืองได้หลังจากถือครองสิทธิ์การพำนักอาศัยแบบถาวรเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี
ทางเลือกสำหรับการลงทุน
ทางเลือก A
- ลงทุนอย่างน้อย 2.5 ล้าน ดอลลาร์สิงคโปร์ ในบริษัทใหม่ หรือ ในการขยายธุรกิจของธุรกิจเดิมในอุตสาหกรรมที่ได้รับการอนุมัติ
ทางเลือก B
- ลงทุนอย่างน้อย 2.5 ล้าน ดอลลาร์สิงคโปร์ ในกองทุนที่ได้รับการอนุมัติที่ลงทุนในบริษัทที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์
ทางเลือก C
- ลงทุนอย่างน้อย 2.5 ล้าน ดอลลาร์สิงคโปร์ ในธุรกิจแบบครอบครัวที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์ โดยต้องมีทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการอย่างน้อย 200 ล้าน ดอลลาร์สิงคโปร์
เงื่อนไข
- ไม่มีประวัติอาชญากรรม
- มีภูมิหลังเรื่องธุรกิจพอสมควร (ประสบการณ์อย่างน้อย 3 ปี) และต้องเตรียม การรายงานทางการเงินของ 3 ปี ที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว
- ต้องมีธุรกิจที่มีรายรับรับต่อปีขั้นต่ำ 200 ล้าน ดอลลาร์สิงคโปร์ โดยเฉลี่ยแต่ละปี ในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา
- ผู้สมัครสามารถปรับปรุงธุรกิจของตนให้ตรงตามเงื่อนไขรายได้ขั้นต่ำที่กำหนด
- หากเป็นบริษัทเอกชน ผู้สมัครต้องมีผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 30%
- ต้องส่งแผนธุรกิจ หรือ แผนการลงทุนพร้อมด้วยรายละเอียด รวมถึงเป้าหมายสำคัญ ที่ต้องทำให้สำเร็จภายใน 3 ปี หลังจากการลงทุน
- ธุรกิจต้องอยู่ในอุตสาหกรรมที่ได้รับการอนุมัติ
ขั้นตอนการดำเนินการ
- จ่ายค่าธรรมเนียมในการยื่นสมัครให้กับรัฐบาลสิงคโปร์
- แบบฟอร์มการสมัครและเอกสารเสริมเพิ่มเติมต้องทำการส่งภายใน 1 เดือนหลังจากการจ่ายค่าธรรมเนียมของการสมัคร
- ผู้สมัครต้องสัมภาษณ์กับคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจของสิงคโปร์ (Economic Development Board of Singapore)
- จะได้รับการอนุมัติภายใน 2-4 เดือน
- ต้องทำการลงทุนภายใน 6 เดือนหลังจากได้รับการอนุมัติ
- การอนุมัติขั้นสุดท้ายจะถูกออกให้ เมื่อมีหลักฐานยืนยันว่ามีการลงทุนตรงตามเงื่อนไข
- ผู้สมัครต้องย้ายไปยังสิงคโปร์และดำเนินการเรื่องการพำนักอาศัยแบบถาวรให้เสร็จอย่างเป็นทางการภายใน 12 เดือนหลังจากการอนุมัติขั้นสุดท้าย
- เมื่อได้รับสิทธิ์การพำนักอาศัยถาวรแล้ว จะได้รับการออกใบอนุญาตการเข้าประเทศใหม่ (Re-Entry Permit) โดยมีระยะเวลา 5 ปี สำหรับผู้ถือสิทธิ์การพำนักอาศัยถาวรเมื่อเดินทางออกนอกสิงคโปร์
- เมื่อใบอนุญาตการเข้าประเทศใหม่ (Re-Entry Permit) หมดอายุ สามารถต่ออายุได้ 3 ปี หรือ 5 ปี โดยขึ้นอยู่กับการประกอบการของธุรกิจ
คำถามที่พบบ่อย
โปรแกรมเพื่อการมีถิ่นที่อยู่ถาวรในประเทศสิงคโปร์ การมีถิ่นที่อยู่ถาวรเป็นสถานะของผู้ลงทุนที่มีบันทึกการทำธุรกิจและเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ ผู้ที่มีความตั้งใจจะทำธุรกิจให้ก้าวหน้าเติบโตจากประเทศสิงคโปร์
ต้องมีคุณสมบัติดังนี้:
- ไม่มีประวัติอาชญากรรม
- มีพื้นหลังการทำธุรกิจ (อย่างน้อย 3 ปี) และมีการยืนยันงบการเงินที่ตรวจสอบแล้วในระยะเวลา 3 ปี
- ประกอบธุรกิจที่มีผลประกอบการประจำปีอย่างน้อย 50 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในปีก่อนหน้าที่จะยื่นสมัคร และต้องมี P.A. อย่างน้อย 50 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์เฉลี่ยมากกว่า 3 ปีก่อน
- ผู้ยื่นสมัครสามารถรวบรวมผลประกอบการจากหลากหลายธุรกิจเพื่อให้ถึงตามเงื่อนไข
- หากบริษัทเป็นเอกชน ผู้ยื่นสมัครต้องมีผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 30%
- ต้องจัดส่งแผนการลงทุนและรายละเอียกของธุรกิจ พร้อมทั้งเป้าหมายที่สามารถทำได้ภายใน 3 ปี
- ลักษณะของธุรกิจต้องได้รับการอนุมัติ
ในการยื่นสมัคร ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติดังนี้
- ชำระค่าธรรมเนียมให้แก่รัฐบาลสิงคโปร์
- เอกสารยื่นสมัครและเอกสารเพิ่มเติมภายใน 1 เดือน ของเดือนที่ชำระค่าธรรมเนียมให้รัฐบาล
- เข้าสัมภาษณ์ที่สิงคโปร์
- รอการยืนยัน (Approval in Principle) โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 2-4 เดือน
- ต้องลงทุนภายในเวลา 6 เดือน ของ AIP
- ได้รับการยืนยันรอบสุดท้าย
- ย้ายไปยังสิงคโปร์และทำพิธีการการได้ถิ่นที่อยู่ถาวรภายใน 12 เดือน
มีข้อกำหนดให้เข้าอยู่ หากผู้สมัครเดินทางออกจากสิงคโปร์ต้องทำเรื่องขออนุญาตเข้าประเทศใหม่ตลอด 5 ปีเพื่อคงสิทธิ์การมีถิ่นพำนักถาวรเมื่อไม่ได้อยู่ในประเทศ
เมื่อใบขออนุญาตเข้าประเทศหมดอายุสามารถต่อได้เป็นระยะเวลา 3-5 ปี
- จำนวนของพนักงานที่ว่าจ้าง
- ค่าใช้จ่ายลงทุนทางธุรกิจ
- ระยะเวลาในการอยู่ที่สิงคโปร์
คู่สมรสและบุตรที่อายุน้อยกว่า 21 ปี (รวมถึงบุตรที่รับมาเลี้ยง) ที่อยู่ภายใต้การดูแลของผู้ยื่นสมัคร
ไม่สามารถ อย่างไรก็ตาม พ่อแม่และบุตรที่อายุมากกว่า 21 ปี สามารถได้รับวีซ่าท่องเที่ยวเป็นระยะเวลา 5 ปี
ต้องตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินทุน ผู้สมัครต้องมีหลักฐานด้านความมั่นคง และรายงานการตรวจสอบบัญชีจากบริษัทที่ดูแล
ผู้สมัครต้องลงทุนเป็นจำนวนขั้นต่ำที่ 2.5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
ผู้ยื่นสมัครต้องลงทุนในหนึ่งในตัวเลือกข้างต้นนี้
- ธุรกิจใหม่ในภาคธุรกิจที่ได้รับการอนุมัติ
- การขยายธุรกิจในภาคธุรกิจที่ได้รับการอนุมัติ
- ลงทุนในบริษัทที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์เป็นจำนวนที่ตรงตามเงื่อนไข
โปรแกรมการมีถิ่นที่อยู่ถาวรในประเทศสิงคโปร์ ผู้สมัครสามารถลงทุนในภาคธุรกิจดังต่อไปนี้ได้
- สถาบันยานยนต์
- ธุรกิจเกี่ยวกับผู้บริโภค
- การศึกษา
- เครื่องใช้ไฟฟ้า
- ธุรกิจพลังงาน
- ธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
- ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ
- ระบบการขนส่งและการจัดการห่วงโซ่อุปทาน
- ธุรกิจเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ
- เภสัชศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ
- การบริการระดับมืออาชีพ เป็นต้น
ภาคธุรกิจข้างต้นยังไม่หมดเพียงเท่านี้ สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.edb.gov.sg/en/how-we-help/global-investor-programme.html
ผู้ลงทุนสามารถลงทุนในรูปแบบอื่นได้ หรือการเข้าซื้อธุรกิจอื่นๆในสิงคโปร์ (acquisitions)
ไม่ได้ เงินลงทุนไม่สามารถโอนสิทธิ์ได้
ผู้ถือสิทธิ์การมีถิ่นที่อยู่ถาวรสามารถยื่นขอสัญชาติได้ หลังจากเข้ามาอาศัยที่สิงคโปร์และถือสิทธิ์เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี
ไม่สามารถถือสองสัญชาติได้ ผลเมืองสิงคโปรต้องยกเลิกสัญชาติอื่นทั้งหมด
ไม่ต้องชำระ เมื่อผู้สมัครได้สิทธิ์การมีถิ่นที่อยู่ถาวรในสิงคโปร์ ต้องชำระภาษีตามการชำระของสิงคโปร์
ผู้ถือสิทธิ์ไม่ต้องชำระภาษีของรายได้จากต่างประเทศ (นอกสิงคโปร์)
ต้องลงทะเบียนเพื่อรับหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของสิงคโปร์
เอกสารข้างต้นนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้คำแนะนำและข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโปรแกรม ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้จัดทำขึ้นหรือมีเจตนาในการให้คำแนะนำด้านกฎหมายใดๆ ข้อมูลนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่มีการแจ้งกล่าว ในแต่ละกรณีจะมีข้อแตกต่างกัน และจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหรือข้อเท็จจริงของแต่ละบุคคล หากทำการเปรียบเทียบข้อมูลเบื้องต้นกับข้อมูลของตนแล้ว โปรดคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย ทางทีมกฎหมายของเราพร้อมอย่างยิ่งที่จะให้ความช่วยเหลือในการประเมินสถานการณ์ของผู้ที่ให้ความสนใจ